วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา



ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา






ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคาเพชรนาคา หรือ “เพชร 7 สีมณี 7 แสง”เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอาถรรพ์พลังลึกลับอย่างน่าอัศจ รรย์ใจเกิดขึ้นมาด้วยบุญญาธิการแห่งการบำเพ็ญเพียรพร ะโพธิญาณขององค์มหาพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่ตั้งจ ิตอธิษฐานปรารถนาที่จะได้ลงมาตรัสรู้เป็น“องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า” นับว่าเป็นความยากลำบากมากเพราะจะต้องประกอบไปด้วยการบำเพ็ญเพียรการสร้างสมบาร มีให้ครบ 30 ทัศและต้องลงมาสร้างบารมีขั้นปรมัตถ์บารมีอีก 10 ชาติถึงจะสมบูรณ์ทุกประการการสร้างบารมีนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะคาดคิดคะเนได้ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์บรมครูได้ทรงตรัสก ล่าวเอาไว้มิให้ครุ่นคิดตรึกตรองคาดคะเน เพราะเป็นเรื่อง”อจินไตย” นั้นก็คือ พุทธวิสัย,การกำเนิดของโลกฌานวิสัย และกรรมวิสัย เป็นต้นเพราะเกินกำลังความรู้ความคิดคาดคะเนของมนุษย์ปุถุชน คนธรรมดาที่สามารถจะกระทำได้จะทำให้เกิดเป็นบ้าใบ้เสียสติฟุ้งซ่านเป็นความรู้ที่ ไม่รู้จักจบจักสิ้น



นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 3 ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้ วงวัฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้5พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4)ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอ นันตจักรวาลด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาพระโพธ ิสัตว์เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด”ฝนโบกขพรรษา”ตกลงมาใครใคร่ให้เปียกก็เปียกใครใคร่ไม่เปียกก็ไม่เปียกด้ว ยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปเมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธาบางส่วนได้ประมวลตัวรวมธา ตุดึงดูดธาตุทั้งสี่คือธาตุดินธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟจนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น”เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา


เพชรนาคาหรือเพชร 7 สีมณี 7 แสง เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอาถรรพ์พลังลึกลับอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เกิดขึ้นพร้อมด้วยบุญญาธิการแห่งการบำเพ็ญเพียรพระโพธิญาณขององค์มหาพระโพธิสัตว์ที่ตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาที่จะได้ลงมาตรัสรู้เป็น “องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า” นับว่าเป็นความยากลำบากมาก เพราะจะต้องประกอบไปด้วยการบำเพ็ญเพียรการสร้างสมบารมีให้ครบ 30 ทัศ และต้องลงมาสร้างบารมีขั้นปรมัตถบารมีอีก 10 ชาติถึงจะสมบูรณ์ทุกประการ การสร้างบารมีบำเพ็ญเพียรนั้นจะแบ่งออกมาได้อีก 3 ประเภทคือ1.พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญสร้างบารมีถึง 4 อสงไขยกำไรแสนกัป , 2.พระพุทธเจ้าสัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญเพียรบารมีถึง 8 อสงไขยกำไรแสนกัป ,3.พระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญเพียรบารมีถึง 16 อสงไขยกำไรแสนกัป แค่เพียงแสนกัปนั้นก็มิอาจคาดคะเนคำนวณได้ถ้าจะนับก็เป็นล้านล้านล้านปี…….

มรดกโลก


มรดกโลก (ภาษาอังกฤษ: World Heritage Site ภาษาฝรั่งเศส: Patrimoine Mondial) คือสถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมือง ซึ่งคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงคุณค่าของสิ่งที่มนุษยชาติ หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา และควรจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคต

ในปัจจุบัน มีมรดกโลกทั้งหมด 830 แห่ง ใน 138 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 679 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 174 แห่ง และอีก 25 แห่งเป็นแบบผสมทั้งสองประเภท โดยมีการแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่ ได้แก่ แอฟริกา อาหรับ เอเชียแปซิฟิก ยุโรป - อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ - แคริบเบียน
หมายเหตุ มรดกโลกในประเทศตุรกีและรัสเซียนั้น นับรวมเข้ากับทวีปยุโรป